
23 ต.ค. 2566
สภา กทม. ไฟเขียวตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางการปรับเปลี่ยนรถราชการเป็นรถพลังงานไฟฟ้า เดินหน้าสร้างกรุงเทพฯ เมืองน่าอยู่
จากการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 4 ครั้งที่ 2 ประจำปีพุทธศักราช 2566 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2566 น.ส.นฤนันมนต์ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตคลองสามวา ได้เสนอญัตติขอให้สภากรุงเทพมหานคร ตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางการปรับเปลี่ยนรถราชการเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle) .น.ส.นฤนันมนต์ กล่าวว่า เนื่องจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นหน่วยราชการที่มีรถราชการ เช่น รถตู้โดยสาร รถตรวจการณ์ รถบรรทุก หน่วยบริการเคลื่อนที่เร็ว รถเก็บขนมูลฝอย รถบรรทุกน้ำ และรถบรรทุกต่างๆเป็นจำนวนมาก ซึ่งรถดังกล่าวใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นต้นกำเนิดการปล่อยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สูงกว่าร้อยละ 49 โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่จะปล่อย PM 2.5 ถึง 1.10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตของประชาชน รวมถึงส่งผลต่อผู้ที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับรถ เช่น พนักงานเก็บขนขยะมูลฝอย ที่ต้องทำงานต่อเนื่องทุกวัน.ดังนั้น กทม. ควรดัดแปลงรถยนต์ดีเซลเดิม ให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อยืดอายุรถยนต์ที่มีอยู่เดิมออกไปได้ หรือพิจารณาจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อรถยนต์ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า แทนรถยนต์เดิมที่หมดอายุการใช้งาน หรือที่จะต้องจัดซื้อใหม่ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดมลพิษทางอากาศ และปัญหาฝุ่นละอองได้โดยตรง อีกทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณค่าเชื้อเพลิงที่มีราคาสูง หาก กทม.สามารถตั้งสถานีดัดแปลงเครื่องยนต์ได้เอง ก็จะสามารถให้บริการได้ทั้งรถราชการและประชาชน. อาจจะมีการนำร่องในเขตที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ มีปริมาณการจราจรและประชากรหนาแน่น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมการใช้งานรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในราชการ ขอให้สภากรุงเทพมหานคร ตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาการปรับเปลี่ยนรถยนต์ราชการ มาเป็นการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า .ญัตตินี้เคยยื่นมาแล้วก่อนปีงบประมาณ 2567 เนื่องจาก กทม.มีรถสันดาปวิ่งอยู่ 2.4 ล้านคัน เป็นรถดีเซลในสังกัด กทม.มากที่สุด เช่น รถเก็บขนมูลฝอย ที่มีมากถึง 2,000 คัน รถแต่ละเขตอีกกว่า 500 คัน ยังไม่รวมในสำนักงานต่างๆ ของ กทม.อีก แม้ยังไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นของรถที่วิ่งอยู่ในกรุงเทพมหานคร แต่รถส่วนใหญ่ใช้งานในระยะยาว เป็นสาเหตุสำคัญในการกำเนิดฝุ่น PM 2.5 กทม.ควรเริ่มต้นเพื่อให้ประชาชนเห็นว่าเป็นผู้นำ และเป็นต้นแบบให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศค่อไป น.ส.นฤนันมนต์ระบุ.ขณะที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.พร้อมที่จะทำงานกับสภา กทม. เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของคน กทม.ดีขึ้น และคงมีหลายมิติที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีหลายหน่วยงานที่ดูแลเพื่อให้แผนของ กทม.มีความสอดคล้องกัน ยินดีที่ทุกท่านจะร่วมกันทำให้กรุงเทพฯของเราเป็นเมืองที่น่าอยู่.
ทั้งนี้ ที่ประชุม สภา กทม. ได้มีมติให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางการปรับเปลี่ยนรถราชการเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle) จำนวน 17 คน กำหนดระยะเวลาการศึกษา 90 วัน.